นมัสเตอินเดีย:ปัญหาของนักเรียนไทยในอินเดีย

ในบทนี้ผมขอพูดถึงปัญหาของนักเรียนไทย ที่มักจะประสบปัญหาเวลามาเรียนที่อินเดีย ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาพิสดารพันลึกอะไรมากมาย ที่จำเป็นต้องใช้ เครื่องคิดเลข หรือตัวช่วย  มาพินิจวิเคราะห์ให้ปวดกบาลเล่น หลับตาข้างเดียว ก็มองเห็นถึงปัญหาเหล่านี้ได้ ทุกมหาวิทยาลัยที่มีคนไทยเรียน  จะมีแตกต่างกันบ้างก็เพียงเล็กน้อย
                                                                          

ประการแรก ผมให้เครดิตในเรื่องปัญหาภาษาอังกฤษ เป็นไงหล่ะ เวลาเรียนก็ไม่ค่อยตั้งใจเรียน ครูสอนก็ไม่ตั้งใจสอน เวลาสอนก็งั้นๆ บางทีเห็นเราเป็นหัวหลักหัวตอ จะสอนให้รู้เรื่องก็ได้ แต่ยังไม่สอน ต้องไปเรียนพิเศษกับครูก่อน ครูถึงจะสอนให้เข้าใจ พอถึงเวลามาเรียนต่อต่างประเทศ ถึงได้รู้สัจธรรม ว่าแค่ภาษาไทยไม่พอยาไส้จริงๆ ถึงแม้บางคนจะโชคร้ายเรียนยังมหาวิทยาลัยที่เขาบรรยายเป็นภาษาฮินดีหรือภาษาประจำรัฐของเขา แต่เวลาคุณจะสอบต้องสอบเป็นภาษาอังกฤษ มันแย่ตรงนี้แหละ เรื่องภาษาอังกฤษจึงเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเด็กนักเรียนทุกๆคน ที่ภาษาอังกฤษยังไม่ค่อยแข็งแรง ผมเคยถามคนไทยหลายๆคนที่มาเรียนอินเดียว่า อะไรที่ทำให้ลำบากใจที่สุด ครับ! เขาพูดเป็นเสียงเดียวกัน นั่นก็คือทางบ้านส่งเงินมาให้ไม่ทันใช้ เออ...อ. อ่อนภาษาอังกฤษครับ

อยากจะให้หลายๆท่าน ที่กำลังคิดอยากจะมาเรียนต่อที่อินเดีย ฝึกปรือภาษาอังกฤษเอาไว้ ถึงแม้อินเดียจะสกปรกขนาดไหน ขอทานเยอะขนาดไหน แต่เชื่อได้เลยครับ คนชั้นกลางของเขาพูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่าชนชั้นกลางบ้านเรา หากใครเป็นชาติไทยนิยมคิดว่าคนไทยดีกว่าแน่นอนและคิดว่าผมพูดผิด ก็ต้องขออภัยด้วย เพราะที่สัมผัสมา คนอินเดียส่วนมากที่จบปริญญาตรีหรือโท เขาเก่งภาษาอังกฤษพอควร เมื่อเทียบกับบ้านเราบางคนจบปริญญาโทก็ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้

เมื่อเราพูดภาษาฮินดีไม่ได้ ดังนั้นจึงมีภาษาเดียวที่จะทำให้เราอยู่รอดปลอดภัยในอินเดียได้นั่นก็คือ ภาษาอังกฤษ ในอินเดียมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งก็ใช้ภาษาไม่เหมือนกัน เช่นคนไทยที่เรียนภาคใต้ บางครั้งเขาก็ใช้ภาษาทมิฬ นาดูสอน ภาคเหนือมหาวิทยาลัยปัญจาบ ใช้ภาษาปัญจาบี ภาคเหนือลงมาอีกมหาวิทยาลัยพาราณสี ใช้ฮินดี บางห้องมีนักศึกษาต่างชาติไม่กี่คน ครูก็จะมองเราเหมือนเป็นสุญญากาศ จะหลับหูหลับตาสอนเป็นภาษาของตัวเอง แต่ตัวเราเองต้องไปหาข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษเอามาอ่าน สรุปแล้ว แมร่งกูมาทำเชี้ยอะไรในห้องวะเนี่ย

ครับ! หากใครเรียนจบรามคำแหงมา จะช่วยพัฒนาตัวเองได้มาก เพราะระบบการเรียนแบบในอินเดีย ต้องศึกษาด้วยตนเองให้มาก ต้องอ่านและแสวงหาความรู้ด้วยตนเองให้เยอะ เด็กไทยควรทำการบ้านอย่างหนัก เทียบกับการเรียนของไทยที่เรียนเป็นเรื่องๆ มีรูปแบบออกข้อสอบที่คาดเดาได้ แต่ในอินเดียเราคาดเดาได้ยาก เราต้องรู้ให้ครอบคลุมทั้งเนื้อหาในหลักสูตรให้มากที่สุด แม้บางวิชาผู้สอนจะสอนไม่ครบแต่ออกข้อสอบครบถ้วน ดังนั้นพวกเราต้องทำการบ้านอย่างหนัก ฝึกเขียนอ่านให้เยอะ และต้องรู้จักการเก็งข้อสอบด้วย

ส่วนพวกเจ้าหน้าที่ต่างๆ เวลาเราไปติดต่อประสานงานอะไรสักอย่าง เราพูดเป็นภาษาอังกฤษ แมร่งมันตอบเป็นภาษาฮินดี หรือพูดอะไรก็ไม่รู้ของมัน ซึ่งมันมีผลทำให้เราไม่เข้าใจที่มันบอก ประมาณว่ามรึงจะฟังรู้เรื่องหรือไม่ก็ตามใจ แต่ตูจะพอใจบอกไปอย่างนี้ ไม่รู้ว่าที่รัฐอื่นมีหรือเปล่า อันนี้ผมไม่ทราบ แต่ที่ผมเรียน มันมีจริงๆ กินหมากไปด้วย พูดภาษาอังกฤษไปด้วย แค่ลำพังมรึงไม่กินหมาก ตูก็แทบจะฟังไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว นี่ดันทะลึ่งกินหมากเข้าไปอีก อยากตบกบาลให้ฟันผุหักสักสามซี่ (เยอะเกินไปหรือเปล่าตั้งสามซี่)

จริงๆครับ หากเรื่องที่ผมพูดมา ไม่เป็นความจริงหรือไม่มีมูลของความจริงเลย ขอให้ส้วมข้างๆบ้านคุณเต็มก็ได้ บางคนจะมาเรียนปริญญาเอก แต่ต้องมานับ ABCD หรือมาเริ่มต้นที่อินเดีย มันช้ามากๆสำหรับความคิดของผมนะ ดังนั้นเมื่อเห็นแวว ลางๆว่าอย่างไรจะต้องไปเรียนต่างประเทศแน่ๆ ควรเรียนภาษาอังกฤษเอาไว้ครับ ไม่จำเป็นต้องเป็นอินเดีย เพียงแค่ได้เดินออกนอกสุวรรณภูมิ ภาษาอังกฤษก็คือภาษาประจำตัวเราแล้ว

ภาพหรือบุคคลในภาพไม่ได้เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
                                                                                

ประการที่สอง เกาะกลุ่ม ปัญหาอย่างหนึ่งของคนไทยที่มาเรียนยังต่างประเทศก็คือชอบเกาะกลุ่มกันอยู่ จึงเป็นเหตุทำให้การเรียนภาษาอังกฤษช้าหรือได้ผลไม่ตามเป้าหมายที่ควรจะได้และควรจะเป็น เพราะพูดแต่ภาษาของตัวเอง ยิ่งภาคไหนมีคนภาคนั้นเยอะ ภาษาของคนภาคนั้นจะมีอิทธิพลเยอะมากๆ บางคนเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาเรียนถึงต่างประเทศ ยังขนเพลงไทยมาฟัง ลูกทุ่งหมอลำ ไม่ได้ฝึกให้มีนิสัยฟังเพลงต่างประเทศหรือฟังข่าวต่างประเทศ บางคนดูแต่ข่าวไทย รายการไทย คืออยู่ต่างประเทศก็จริง แต่วิถีชีวิตไม่พ้นเมืองไทย ดังนั้นภาษาอังกฤษเลยไม่ค่อยพัฒนา ส่วนเพื่อนแขกก็ให้ใช้วิจารณญาณเอานะครับ ว่าประเภทไหนควรคบหรือไม่ควรคบ อเสวนา จะ พาลานัง ปัณฑิตานัญจะ เสวนา ครับ คบคนที่ควรคบ พระท่านว่าอย่างนั้น

ประการที่สาม ขี้อาย ไม่ค่อยกล้าแสดงออก ไม่กล้าพูดคุยกับครูอาจารย์ เพราะเนื่องจากภาษาอังกฤษของตัวเองไม่ดี กลัวครูถามแล้วตอบไม่ได้ กลัวเสียหน้า บางครั้งก็เป็นเหตุทำให้ความสัมพันธ์กับครูอาจารย์ก็ไม่ค่อยสู้ดีมากนัก เพราะไม่ค่อยทำความรู้จักมักคุ้นกับครูอาจารย์ พูดไปพูดมาก็ต้องวกเข้าเรื่องเดิมๆ นั่นก็เพราะภาษาอังกฤษไม่ดีอีกนั่นแหละ

                                                                                     

ประการที่สี่ ก็คือขี้เกียจ บางคนภาษาอังกฤษไม่ดีแล้ว ยังขี้เกียจ นักศึกษาไทยบางคนรู้ทั้งรู้ว่าภาษาอังกฤษไม่ดีแล้ว ไม่ค่อยอ่านหนังสือดูหนังสือ ชอบเที่ยว ชอบมั่วสุม จึงไม่แปลกหากนักศึกษาไทยประเภทนี้จะเรียนไม่ค่อยจบหรือเรียนไปสักพักหนึ่งแล้วสอบไม่ผ่าน อยากเปลี่ยนคณะ ไปหาคณะที่ง่ายกว่า มหาวิทยาลัยไหนมีคนไทยเยอะ จะเจอนักศึกษาประเภทนี้เยอะ เพราะสังคมมันเอื้อต่อการดำรงชีวิตอยู่แบบขี้เกียจ

ประการที่ห้า ชอบลืมตัว บางคนลืมตัวว่าตัวเองมาเรียนหรือเป็นนักศึกษา อาจจะเป็นเพราะอินเดียมีความอิสระให้เต็มที่ เพราะทุกคนคิดว่า ตูไม่ได้เอาเงินมรึงมาเรียน ดังนั้นเรื่องบางอย่างก็ยากจะเตือน หากเห็นใครสักคน ออกนอกลู่นอกทาง เพราะบางคนคิดอย่างนี้ ก็เลยทำให้ คนใกล้ตัวไม่กล้าเตือน ก็เลยเป็นเหตุ ทำให้ลืมตัว นักศึกษาไทยบางคนลืมว่าตัวเองมาเรียนหรือมาทำอะไร แต่ครูอาจารย์แขกกลับรู้ว่านักศึกษาไทยมาทำอะไร สรุปก็คือเราลืมว่าเราเป็นใคร แต่แขกเขารู้ว่าเราเป็นใคร

                                                                                         
 ขอพูดเรื่องอาหารและสุขภาพนะครับ ยอมรับจริงๆว่า คนไทยส่วนมากทานอาหารแขกไม่ได้ ดังนั้นคนไทยหรือนักศึกษาไทย ต้องปรับตัวอีกเยอะในเรื่องอาหารหากไม่อยากปรับ ต้องไปจ่ายตลาดเอง ทำกับข้าวเอง ส่วนในเรื่องสุขภาพ เนื่องจากสุขลักษณะของคนอินเดีย ยังไม่ได้มาตฐาน ดังนั้นจะทานอาหารหรือกินอะไรตามข้างทางก็ต้องระมัดระวังให้มากๆ เพราะอะไรที่เราเห็นตามข้างๆทางดูเหมือนจะอร่อย แต่หากได้เห็นกระบวนการผลิตหรือที่ห้องครัวแล้ว รับรองได้เลยว่า เจ็บ (ท้อง) นี้อีกนาน ร้านนี้ไม่ลืม

2 ความคิดเห็น:

  1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  2. เข้ามาเยี่ยมชมครับ
    ิข้อมูลใน blog เป็นข้อมูล
    ที่มีประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจ
    มาเรียน หรือมาเที่ยว
    ที่ประเทศอินเีดียมาก

    ขออนุญาตแนะนำต่อแก่ผู้สนใจนะครับ
    และขออนุญาตนำข้อมูลบางส่วนใน blog
    ที่เกี่ยวกับสถานที่หรือการ
    แสวงบุญในอินเดีย
    ไปประกอบการเขียน
    ใน blog ของผมนะครับ

    พม. อดิศักดิ์

    ตอบลบ