กาลหลายครั้ง ณ สังเวชฯ



กาลหลายครั้ง ณ สังเวชฯ

                มหาวิทยาลัยที่ผมได้มาศึกษา อยู่ในรัฐที่เต็มไปด้วยพุทธสถาน ผมจึงค่อนข้างโชคดีกว่านักศึกษาไทยหลายๆคนมาก หลายคนเขาชอบกล่าวหาว่ามหาวิทยาลัยของผมบ้านนอก ผมขอเถียงครับว่า นอกจากบ้านนอกแล้ว ยังอยู่นอกเมืองอีกต่างหาก แต่ผมคิดว่ามันเป็นผลพลอยได้ นอกจากได้มาเรียนแล้ว หากมีเวลาว่างก็ได้มีโอกาสไปยังสถานที่เหล่านั้นบ่อยๆ รู้ไหมว่า ปีหนึ่ง มีคนไทยหลายพันคนมายังพุทธสถานเหล่านี้ ในฐานะที่ผมเองนอนเฝ้าและอยู่อินเดียมาหลายปี ก่อนที่จะมาเรียน ผมไม่เคยรู้เลยนะว่า แต่ละปีมีคนไทยเป็นจำนวนมาก เดินทางมาไหว้พระที่อินเดีย เห็นตัวเลขแล้ว จากหนังสือพิมพ์ที่แขกนำเสนอว่ามีจำนวนมากขึ้นทุกๆปี น่าตกใจไม่น้อย ไม่คิดว่าจะมีคนเดินทางมาเยอะขนาดนี้ มันทวนกระแสกับภาพลักษณ์ของอินเดียอย่างสิ้นเชิง ขนาดเจ้าของประเทศยังงงถึงกับหนวดสั่น คนไทยอย่างผมจะไม่ให้โคตะระงงได้อย่างไร ผมมีความลับบางอย่าง อยากจะนำมาเปิดเผยในที่ลับ มันเป็นเรื่องเศร้าของคนที่มาไหว้พระที่อินเดีย
                เหตุที่ผมยกเรื่องเหล่านี้มาพูดให้ฟัง อาจจะเหมือนเป็นกระจกส่องให้คนที่กำลังจะมาหรือคิดอยากจะมาว่า มันมีความเหมือนที่แตกต่างของบุคคลที่มา ซึ่งผมในฐานะที่นอนเฝ้าที่นี้ได้สังเกตเห็น และนำมาเล่าให้ฟัง คงไม่มีอะไรเสียหาย และขออภัย หากจะพูดกันตรงๆ ลักษณะของคนไทยที่มาไหว้พระที่อินเดีย คือ
                มาเหมือนกัน แต่การมาต่างกัน
มาเพราะความสงสัย คนที่มาไหว้พระบางคน มาเพราะอานุภาพของพระพุทธเจ้าจริงๆ อย่างที่เคยบอกนั่นแหละครับ อินเดียไม่มีอะไรให้น่าดึงดูดใจชาวพุทธได้ดีเท่ากับพุทธสถานและพระพุทธเจ้าหรอก หากเอารายชื่อประเทศ ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย มาขายทัวร์ ผมเชื่อแน่ว่า อินเดียคงจะเป็นทางเลือกสุดท้าย คนที่มาไหว้พระส่วนใหญ่มาเพื่อต้องการบุญ ได้มารู้ ได้มาเห็น จากคนที่ไม่ค่อยมีพื้นฐาน ก็ต้องมาปรับศรัทธา และปัญญากันอีกมาก บางคนเท่าที่ได้ทราบก็คือมาเพื่อให้รู้ เรื่องราวของพระพุทธเจ้า มีจริงหรือไม่ เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง ที่น่าเศร้าใจมาก บางคนยังไม่รู้เลยว่า พระพุทธเจ้าชื่ออะไร บางคนหนักไปกว่านั้นอีก คิดว่าพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องแต่ง เคยมีคนถามผมว่า เชื่อหรือไม่ว่าพระพุทธเจ้ามีจริง? หากเป็นคนป่วย คงต้องใส่เครื่องช่วยหายใจกันแล้ว อาการโคม่ามาก มันเป็นความรู้ขึ้นพื้นฐานที่ชาวพุทธควรจะรู้หรือต้องรู้ด้วยซ้ำไป เหมือนกับเมื่อเราศึกษาทะเล ก็ต้องศึกษาหาแหล่งน้ำ เมื่อศึกษาแหล่งน้ำ ก็ต้องศึกษาถึงต้นตอของน้ำ เฉกเช่นเดียวกัน เมื่อศึกษาธรรม ก็ต้องศึกษาต้นตอของธรรม จริงอยู่ผมเชื่อว่า ชาวพุทธทุกคนมีธรรมะอยู่ในใจทุกๆคนอยู่แล้ว แต่หากเราไม่รู้เลยว่า พระพุทธเจ้าชื่ออะไร พระพุทธเจ้ามีจริงหรือไม่ แล้วเราจะเป็นชาวพุทธที่ดีได้อย่างไร แล้วจะไม่ให้เรียกว่าเรื่องเศร้าได้อย่างไร ชิมิ ชิมิ
            มาเพราะเพื่อนชวนมา บางคนไม่กล้ามาอินเดียคนเดียว กลัวลำบาก กลัวเหงา บางครั้งผมก็เคยคิดนะครับว่า หากผมไม่มีความรู้อะไรๆเลย เกี่ยวกับอินเดีย ผมก็กลัว และไม่กล้ามาคนเดียวเหมือนกัน เพราะยี่ห้ออินเดีย มันก็น่ากลัวมากพออยู่แล้ว สำหรับคนไทย สำหรับคนที่มาคนเดียวได้ ผมขอซูฮกให้เลย บางคนกลัวไม่ได้คุยหรือระบายกับใคร ก็ชักชวนกัลยามิตรมาด้วย บางคณะก็มาเป็นกรุ๊ปเล็กๆ คือชักชวนคนที่รู้ใจกันมา
            มาเพราะหมอดูทัก ในชีวิตนี้จะมีอะไรจะร้ายแรง เท่ากับหมอดูทักให้มาสะเคราะห์ด้วยการไหว้พระที่อินเดีย ถือได้ว่าเป็นคนที่มีอิทธิพล ในการดำรงชีวิตของเราเป็นอย่างมาก เป็นคนที่สามารถจับมือแฟนใครก็ได้ โดยที่แฟนเขาไม่เคยโกรธ และสามารถกุมชะตาชีวิตของคนบางคนได้
                มาเพราะแทนคนอื่น บนโลกเน่าๆใบนี้ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ผมเคยมีโอกาสพูดคุยกับคนไทยหลายคนด้วยกัน ฟังบางคนเล่าให้ฟังแล้ว ก็ตกใจเล็กน้อย เพราะจริงๆ คนที่จะมาแต่มาไม่ได้ ส่วนคนที่ไม่ได้ตั้งใจจะมา แต่ได้มา (แทน)บางคนเหลือเวลาไม่กี่วันจะถึงวันเดินทางแล้ว พ่อแม่ป่วยบ้าง มีเหตุจำเป็นที่ทำให้มาไม่ได้บ้าง เลยต้องให้ญาติพี่น้อง หรือเพื่อนมาแทน กรณีอย่างนี้ก็มี

มาเพื่อขอ ตั้งใจมาเพื่อขอให้ให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ขอให้รวย ขอให้ถูกหวย ขอให้ขายที่ดินได้ ขอให้หน้าที่การงานเจริญรุ่งเรือง ชีวิตมีปัญหา มีหนี้สิน ทุกครั้งที่ผมไปไหว้พระ ผมไม่เคยขออะไรเลยนะครับ นอกจากขอให้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด เกิดภพใดภูมิใดก็ขอให้มีคนรัก หน้าตาดี ผิวพรรณดี พ่อแม่ดี มีครูบาอาจารย์ที่ดี คือผมตั้งใจรวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยมาเพื่อขอจริงๆ ผมเคยพาเพื่อนที่เป็นเกาหลี ญี่ปุ่น ฝรั่งไปไหว้พระ ผมเคยบอกกับพวกเขาว่า หากพวกเราตั้งใจที่จะมาขอ ความเป็นพุทธบุตร อัตตาหิ อัตตาโน นาโถ ที่พระพุทธเจ้าให้ช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด ที่อยู่ในตัวของเราก็คงไม่มีความหมายอะไร เพราะคำว่าพุทธ คำนี้ หมายความว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน แต่สิ่งที่เรากำลังขอ เราเหมือนยังไม่รู้ ยังไม่ตื่น ยังไม่เบิกบาน หากเราขอมากๆ โดยไม่มีสติ เราก็ไม่ต่างอะไรกับ คนที่เขาถือขันหรือเดินตามเรา มหาราชา มหารานี เพราะคนเหล่านี้นั่งเฝ้า นอนเฝ้าสังเวชนียสถาน แต่เขาไม่รู้คุณค่าที่แท้จริงว่า เจดีย์ หรือพุทธสถานที่อยู่ด้านหน้าของพวกเขานั้น มีคุณค่าอย่างไร ทำไมพวกเราต้องมากราบไหว้อิฐหินปูนทราย อิฐหินปูนทรายทุกก้อนคือใบประกาศคุณงามความดีของพระพุทธองค์และมวลเหล่าพระอรหันตสาวก หากจะมองอีกแง่หนึ่งสังเวชนียสถานคือบันไดให้เราได้มาศึกษาพระพุทธศาสนา และหลักของสัจธรรมที่ว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป จงอย่าประมาทในชีวิตรีบทำคุณงามความดี เพราะชีวิตนี้มันสั้นนัก พอพูดจบ เพื่อนๆ ก็ให้ผมเป็นคนกล่าวนำอธิษฐานนำพาให้พวกเราขอพร ให้มีหน้าตาดี รูปร่างดี เน้นตาดีเอาไว้ก่อน ผิวพรรณดี มีสติปัญญาดี มีพ่อแม่ดี มีครูบาอาจารย์ดี เกิดภพภูมิที่ดีๆ ใช้เวลาอธิษฐานประมาณ 3 นาที พอจบแล้ว พวกเราทั้งพี่ไทย ฝรั่ง ญี่ปุ่น เกาหลี ก็ร่วมอนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล่นนะครับ ขอบอก ปุพเพกตบุญญะตา การมีบุญที่ได้สั่งสมมาแต่ชาติปางก่อน ดังนั้นชีวิตนี้จะขอก็รีบขอ อย่ารอให้ถึงปีหน้า ข้าวของถึงแม้จะขึ้นราคา แต่บุญกุศลต้องรีบทำเหมือนเดิม
มาเพราะจำยอม ไม่รู้ว่าจะแสดงความดีใจหรือเสียใจกับคนเหล่านี้ดี จริงๆ ผมกล้าพูดได้เลยว่า อินเดียเป็นประเทศหนึ่งที่คนไทยไม่อยากจะมา ไม่อยากจะมาเพราะเรื่องใดนั้นคิดว่าทุกท่านคงทราบเป็นอย่างดี คณาจารย์บางมหาวิทยาลัยที่เมืองไทย  มหาวิทยาลัยทางอินเดียเชิญมาร่วมสัมมนาทางวิชาการ ยังไม่มีใครคิดอยากจะมาเลย แม้แต่จดหมายสักฉบับ ยังไม่คิดจะตอบด้วยซ้ำว่าจะมาหรือไม่มา บางคนมาเพราะหน่วยงานหรือองค์กรให้มา ก็เลยต้องมา บางคนหน้าที่การงานบังคับให้ต้องมา คืออินเดียไม่มีแม่เหล็กดึงดูใจให้มา แต่ผมเคยสอบถามฝรั่งหลายคนนะครับ เขาบอกว่า อินเดียเป็นประเทศหนึ่งที่น่าทึ่งมาก น่าทึ่งตรงไหน น่าทึ่งตรงที่อะไรๆที่อินเดียมี แต่ประเทศเขาไม่มี ดึงดูใจให้มากุณค่าของคุณไม่เหมือนกัน
มาด้วยศรัทธา ยิ่งได้มาแล้ว เกิดการประทับใจ ได้เห็นก็เป็นบุญตา ได้ยินก็เป็นบุญหู ได้สวดมนต์ก็ได้เป็นบุญใจ เอาศรัทธาสัมผัสถึงคุณงามความดีของพระพุทธองค์ ที่แผ่กระจายออกไปยังสารทิศ ผมคนหนึ่ง ที่มีความเชื่อว่าศรัทธาที่ประกอบไปด้วยปัญญาอยู่ไหน พระพุทธเจ้าก็จะอยู่ที่นั้นกับเราเสมอ
เสียเหมือนกัน แต่ได้ไม่เท่ากัน
ผมเชื่ออย่างหนึ่ง คนที่มาไหว้พระที่อินเดีย ไม่มีใครที่ไม่เสียอะไรเลย อย่างน้อยๆ ก็เสียเงินเสียทอง เสียเวลา เสียหน้าที่การงาน เสียเวลาที่จะต้องไปทำโน้นทำนี่ แต่สิ่งที่ควรจะได้ ได้ไม่เท่ากันหรอกครับ บางคนได้ปัญญากลับไป บางคนก็ได้ปัญหากลับมา บางคนได้ทั้งปัญญา สติและศรัทธาและเพื่อนใหม่กลับมา มันจะมีอะไรน่าเศร้าไปมากกว่านี้ เสียเหมือนกัน แต่กลับได้ไม่เท่ากัน
ฟังเหมือนกัน แต่การฟังต่างกัน
            สิ่งที่ค่อนข้างจะแตกต่างจากการไปเที่ยวยังประเทศอื่นๆ กับการมาไหว้พระที่อินเดียนั่นก็คือการนิมนต์ให้พระคุณเจ้าที่ท่านมีความรู้และมีความเข้าใจเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมแขกเป็นอย่างดี เป็นผู้นำพา ในการบรรยายเรื่องราวพุทธประวัติและความสำคัญของพุทธสถานตลอดจนเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยตามสองข้างทาง ผู้มาจาริกแสวงบุญบางรถบัสก็น่ารักดี พอพระท่านจับไมค์ทุกคนก็เริ่มหาว พอพระท่านเทศน์ปาวๆ ทุกคนก็เริ่มง่วง ยิ่งพระท่านพูดไป เจ็บแปล๊บแน่นในทรวง พอพระอาจารย์เริ่มง่วง ทุกคนก็หลับ สะดุ้งตื่นมาอีกที ถึงที่หมายแล้ว ก็เลยไม่รู้ว่าท่านพูดอะไรไปบ้าง แม่น้ำที่ผ่านมา มันชื่ออะไร แล้วเมืองที่เราจะไป ชื่อเมืองอะไร มีความสำคัญอย่างไร ผมเคยวิเคราะห์ลักษณะการฟังมีอยู่ 3 อย่าง ฟังเอาเรื่อง ฟังให้รู้เรื่อง และอย่างที่สาม ฟังอย่างไรก็ฟังไม่รู้เรื่อง หากมองแบบนักปรัชญา มองจากก้นบึ้งของความจริง หูของคนเรามันจะงดงามได้ หาใช่เพราะใส่ตุ้มหู แต่จะงดงามได้ ด้วยการฟังเยอะๆ แล้วพิจารณาด้วยเหตุและผลว่า มันจริงหรือเปล่า บางคนฟัง แล้วก็ฟัง แต่บางคนฟังแล้วก็จด คำพูดไหนดี กินใจ ฟังคราวใดน้ำหูน้ำตาจะไหล จดใส่สมุดโน๊ตเอาไว้ ทำการฟังให้เป็นรูปธรรม ดีกว่าปล่อยให้หายไปกลับความทรงจำ มีบ่อยครั้งที่ผมนั่งรถไปพร้อมกับคณะทัวร์ และมีสมุดเล็กๆเอาไว้ เวลาคิดอะไรได้ ต้องรีบจด บางครั้งคนเราหากให้เวลากับตัวเองมากๆ จิตใจมันสงบแล้ว มันคิดอะไรได้มากมาย จนบางครั้งแทบไม่น่าเชื่อว่า คนอย่างเราก็มีความคิดดีๆเช่นกัน

ดูเหมือนกัน แต่ดูต่างกัน
ผู้อ่านรู้ไหมครับ? ว่าอะไรคือความทรมานที่สุดของการมาไหว้พระในอินเดีย ก็คือนั่งรถนาน ก้นก็ทำงานหนัก หูก็ทำงานหนัก ต้องฟังผู้บรรยาย ถึงไม่อยากฟัง ก็ต้องฟัง ไม่มีใครมาบังคับหรอก แต่ต้องฟัง สมองก็ต้องมาเครียดหนัก กับสภาพจราจร หลายคนที่ไม่เคยมาอินเดียและในชีวิตนี้ก็ไม่เคยคิดที่จะมา ผมจะเล่าให้ฟังว่า การเดินทางในอินเดีย มันช่างเป็นอะไรที่ประทับใจสุดๆ กับระยะทาง บางครั้งใช้เวลาเป็นครึ่งวัน ระยะทางแค่ 200 กว่ากิโล แต่ผมเชื่อว่าในอนาคตถนนหนทาง ในการมาไหว้พระจะดีขึ้นตามลำดับ ตามลำดับและก็ตามลำดับ สำหรับท่านใดที่ยังไม่เคยมา อาจจะนึกภาพไม่ออก ถนนบางสาย ก็น้องๆผิวโลกพระจันทร์หนะครับ นั่งรถผ่านทีหัวโยกกันทั้งคัน กว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง ตับไตไส้พุงเคลื่อนทีกันหมด ไม่มีอวัยวะส่วนใดที่จะไม่ทำงาน เครียดทุกส่วนของอวัยวะ นั่งรถแล้วมองตามสองข้างทาง บางทีผมว่า มันดียิ่งกว่าอ่านหนังสือเป็นสิบเล่มเสียอีก เพราะสองข้างทางนั่นแหละคือครูอย่างดีเลิศ สองข้างทางมีอะไรให้ได้ดูเยอะแยะเต็มไปหมด บางครั้งมีกระทั้งคนนั่งถ่าย ยืนเยี่ยว นั่งเยี่ยว และนอนเยี่ยว แต่นอนเยี่ยวผมยังไม่เคยเห็น ขอทาน เห็นวิถีชีวิตของแขก ตามสองข้างทาง ที่ดูครั้งใดก็แล้วเครียดแทนทุกครั้ง แขกมันทำบ้าอะไรของมันวะ บางคนนั่งในรถ ดูก็สักแต่ว่าดูตามข้างทาง ดูไปด้วยก็ตกใจไปด้วย ว่าทำไมบ้านเมืองเขา ทำไมถึงวุ่นวายขนาดนี้ แต่จะมีสักกี่คน ที่ดูด้วยตาเนื้อ แต่เอาตาในคิดวิเคราะห์ภาพที่เราเห็นตามสองข้างทาง บางคนมีความทุกข์มาก แต่พอได้มาเห็นวิถีชีวิตของแขกตามสองข้างทาง บางคนมีกำลังใจต่อสู้กับชีวิตอีกเยอะ ผมขอยืนยันว่า คนที่มาไหว้พระที่อินเดียได้ ไม่มีใครจนสักคน แต่เขาเหล่านั้นหารู้ไม่ว่า บนโลกใบนี้ ยังมีคนที่ยากจนกว่าอีกหลายร้อยล้านคน แต่เขาอยู่บนโลกใบนี้อย่างมีความสุข บนพื้นฐาน ของสังคมที่ไม่เท่าเทียมกันด้วย ไฟฟ้าก็ไม่มีใช้ บ้านก็ยังไม่มีเป็นของตัวเอง ต้องอาศัยตามข้างทาง แต่เขามีความสุขในรูปแบบของเขา นี้ไงครับคุณครูของเรา บางคนพอขึ้นรถ เอาMP3 MP4 เสียบหู ทำท่านอนหลับ รอให้ถึงจุดปลายปลายทางอย่างเดียว ประโยชน์ที่จะได้จากการนั่งรถ ก็ไม่ได้อะไรเลย มันน่าเศร้าไหมละครับ วันนี้ผมรู้สึกพูดดีเป็นพิเศษเลยนะเนี่ย อิอิ
ซื้อเหมือนกัน แต่ได้ราคาต่างกัน
หากไม่มีใครคิดว่าผมก้าวล่วงอำนาจอธิปไตยกระเป๋าเงินของเขามากเกินไป ผมอยากจะเขียนข้อความเหล่านี้แปะเอาไว้ให้คนไทยได้อ่านจริงๆ ซื้อก่อนมักจะเป็นคนมีทรัพย์ ซื้อทีหลังมักจะเป็นคนมีปัญญา ไม่ซื้ออะไรเลย รอของฝากจากเจ้าของทัวร์อย่างเดียว จะเป็นคนมีทั้งทรัพย์และปัญญา แต่หากเจ้าของทัวร์ไม่ให้อะไรเลย ทัวร์นั่นแหละจะมีปัญหาตามมา ผมไม่ได้เสี้ยมนะ แต่คิดว่าน่าจะมีปัญหาจริงๆ และขอความกรุณาอย่าเอาเปรียบสตรีมีครรภ์ เด็ก คนพิการและคนชรา เกี่ยวกันไหมเนี่ย
เคยมีป้าท่านหนึ่ง ซึ่งผมเคยให้ความรักมากและเคารพเหมือนป้าในไส้แท้ๆ ปัจจุบันนี้ก็ยังรักและเคารพ เคยบอกผมเอาไว้ว่า มันเป็นเรื่องแปลกคือไปยุโรป เกาหลี ญี่ปุ่น ส่วนมากจะแข่งกันว่า ใครซื้อของได้ราคาแพงกว่ากัน แต่พอมาอินเดียจะอวดกันว่า ใครซื้อของได้ถูกกว่ากัน หรือมันเป็นเสน่ห์ของอินเดียก็ไม่รู้ ไปทัวร์ยุโรปบ่อยมาก แต่ไม่ประทับใจเหมือนมาอินเดีย แกมาอินเดีย เกือบ 32 ครั้งแล้ว มาทุกปี มากี่ครั้งกี่ครั้ง บรรยากาศในการเดินทาง ก็ไม่เหมือนกันสักกะครั้ง ผมก็เลยพูดปลอบป้าแกว่า อันที่จริงสิ่งใดที่ผู้คนอยากได้มาก สิ่งนั้นมักจะมีราคาแพงมากตามราคะ เพราะราคามันมาจากคำว่า ราคะนั่นเอง มีสังเวชนียสถานบางแห่ง ที่ผู้แสวงบุญมักจะได้ราคาแพงมาก เพราะอำนาจแห่งความอยากได้(มาก) ผมขอยกตัวอย่างบางสังเวชนียสถาน ที่ผมเห็นบ่อยๆ เช่นที่สารนาถ มักจะมีพวกเด็กแขกเปรตทั้งหลาย มันชอบเอาพระที่ทำเหมือนของเก่า ทำลับๆล่อๆ เหมือนกับว่ามันเพิ่งขุดมาได้เมื่อตะกี้ที่ร้านของมัน แกล้งให้พวกเราดู บอกราคา 300-400 รูปี บางคนที่เพิ่งเคยมา เชื่อจริงๆนะ แต่ราคาจริงๆ องค์ละ 4-5 รูปีเท่านั้นเอง แสบและแน่นในทรวงอกไหมหล่ะครับ Post card ไม่ว่าที่แห่งไหน ที่มหาวิทยาลัยนาลันทาหรือสารนาถ ปกติเล่มละ 20-25 รูปีหรือบางครั้งต่อได้อีก แต่บางคนซื้อได้ในราคา 2 เล่มละ 100 บาท ผมไม่เคยเถียงคนค้าขายก็ต้องคิดกำไรกันบ้าง แต่นี่มัน จะให้เรียกว่าอย่างไรดี โคตรค้ากำไรเกินควรแล้ว
เทคนิคของการซื้อของจากแขก สิ่งไหนที่เราอยากได้มาก ให้ทำเหมือนไม่อยากได้ ใจจริงอยากได้ใจแทบขาด แกล้งต่อทิ้งต่อขว้าง แล้วทำท่าเดินหนีหรือเดินหนีจริงๆ สักพักค่อยมาซื้อใหม่ จากราคาที่แพงมาก อาจจะได้ในราคาที่แทบไม่เชื่อในราคาป้าย ที่เจ้าของร้ายเขียนราคาเองกับมือแท้ๆ หากแกล้งเดินไปแล้ว แขกก็ยังไม่ทำท่าว่าจะลดให้ ค่อยมาซื้อใหม่ก็ได้ อย่าคิดว่าเป็นการเสียหน้า หากมองอีกด้านหนึ่ง คนอินเดียเขากำลังสอนเราว่า น้ำขุ่นเอาไว้ใน น้ำใสเอาไว้ด้านนอก อย่าแสดงออกให้มาก หากไม่อย่างนั้นเจ้าของร้านเขาจะหมั่นไส้ ทั้งโกงและโก่งราคาเอา และมีอีกวิธีหนึ่งคือซื้อใกล้เวลารถบัสจะออกบางทีได้ราคาครึ่งต่อครึ่ง จริงๆนะ หากไม่เชื่อลองไปถามใครก็ได้ที่เคยซื้อได้มาก่อนดูสิ
                และสิ่งหนึ่งที่คนที่มาไหว้พระยังขาดกันมาก นั่นก็คือ อุเบกขา บางคนมาอินเดีย แบกความเมตตา กรุณา มุทิตา มาเต็มเครื่องบิน แต่พอมาถึงอินเดียแล้ว ลืมเอาอุเบกขามาด้วย สงสัยจะลืมทิ้งเอาไว้ที่สุวรรณภูมิ คนไทยเป็นจำนวนมาก เลยตกอยู่ในภาวะ เศรษฐีจำเป็น หากเป็นภาษาบ้านผมเขาเรียก พ่อเลี้ยงแม่เลี้ยง และเป็นกลุ่มเป้าหมายแรก ที่แขกเขาอยากจะขอ รักอย่างมาก รักเธอมากมาย รักคนไทย รักเพราะผลประโยชน์ล้วนๆ อะไรจะดราม่าได้ขนาดนี้ ในชีวิตผมไม่เคยซ้ำเติมใคร ถ้าไม่จำเป็น
                คนไทยส่วนมากที่มาอินเดีย จะมาด้วยเหตุ 3 ประเด็น ประเด็นแรกมาเพราะบารมีของพระพุทธเจ้ากันเป็นส่วนมาก คนไทยบางส่วน กว่าจะชักชวนหรือง้างออกมาจากบ้านมาไหว้พระได้ ต้องเอาพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์เจ้า เอาบุญเป็นแรงจูงใจ บางคนคิดแล้วคิดอีก กลัวลำบาก! ก่อนมาก็เป็นโรค ห่วง ห่วงบ้าน ห่วงหน้าที่การงาน ไม่ได้พูดเล่นนะ ในชีวิตไม่เคยพูดเล่นกับใคร บางคนห่วงแม้กระทั่งหมา พอหมดห่วงแล้ว ก็เป็นโรคหา หาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมากมายที่จะทำให้ตัวเองไม่ลำบากหรือลำบากน้อยที่สุด อาหาร เครื่องสำอาง ยกกันมาเป็นชุดเลยกะจะมาปักหลักอยู่เป็นเดือนก็มี ประเด็นที่สองคือมาเรียนครับ ส่วนประเด็นสุดท้ายคือมาเที่ยว
            ก่อนจะจากไปพร้อมกับสังเวชนียสถาน ผมมีความในใจอีกอย่างหนึ่งที่อยากจะบอกกล่าวจริงๆ ไม่ว่าจะไปสังเวชนียสถานตำบลใดทั้ง 4 แห่ง คือสถานที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ แสดงธรรมจักรฯ และปรินิพพาน ผมบอกกับตนเองทุกครั้งว่า ที่ผมโดดเรียนมาไหว้พระในครั้งนี้ ขออำนาจบุญกุศลที่ผมมีโอกาสมากราบไหว้บุญสถานในครั้งนี้ ขอให้ผมมีสติปัญญาดีมากๆ เกิดภพใดชาติใดก็ขอให้เกิดมาเป็นมนุษย์และได้พบพระพุทธศาสนา แต่มีอยู่ที่หนึ่งที่ผมไปทุกครั้งและเศร้าใจทุกครั้ง นั่นก็คือที่ภูเขาคิชฌกูฎ ภูเขาคิชฌกูฎอินเดียกับที่จันทบุรี แตกต่างกันมาก ภูเขาคิชฌกูฎเป็นที่ที่พระพุทธเจ้าท่านชอบมาประทับ เนื่องจากเป็นที่เงียบสงบ เหมาะการแก่การปฎิบัติธรรม  แต่ปัจจุบัน จะมีแขกคนหนึ่งและเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแล แขกคนนี้ก็จะเอาเงินแบงค์ 500 รูปี 1,000 บาท 100 ดอลล่าร์ มาวางไว้ เพื่อขุดบ่อล่อปลาซิวทั้งหลาย และก็บอกให้คนไทยทำบุญๆ ตู้รับบริจาคก็ไม่มี รัฐบาลก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ บางครั้งก็มีการบังคับให้ทำบุญ บางคณะที่เพิ่งเคยมาใหม่ ก็หลงเชื่อ ทำบุญทอดผ้าป่าได้เงินเป็นหมื่น บางคณะไกด์ช่วยประชาสัมพันธ์ให้อีก รวบรวมเงินเอาวางไว้ บางคณะพระอาจารย์ที่ท่านนำพา ท่านก็ประกาศห้ามตั้งแต่บนรถจนกระทั่งเดินขึ้นเขา แต่ผมก็แปลกใจมาก บางคนไม่เชื่อ พอลับตา แขกที่มักจะเป็นหน้าม้าให้คนทำบุญ ก็เอาเงินแบ่งกับตำรวจ บางวันได้หลายหมื่นรูปี หลายพันบาท หากวันไหนโชคดีหน่อย มีคณะทัวร์ที่ช่วยกันทอดผ้าป่าถวายตรงกุฎิพระพุทธเจ้า ก็ได้หลายหมื่น มีไกด์อินเดียหลายคนมาก บอกกับผมว่า เขารู้สึกเจ็บปวดแทนคนไทยมาก ไม่รู้ทำไม ทั้งๆที่ก็เงินเรา มันได้ประโยชน์ตรงไหน ทำไมและทำไม พวกเราไม่เอาเงินเหล่านี้ไปบริจาคให้กับวัด วัดจะได้นำเงินเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ได้อีกมาก ช่วยเหลือคนยากจน ผมก็เคยคิดว่า ก็นั่นสิ เขียนไปเขียนมา วกมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องชาวบ้านจนได้ เงินก็เงินของเขา ศรัทธาก็เป็นเรื่องปัจเจกบุคคล จะไปเสือกยุ่งเรื่องของเขาทำไม แต่มันอดไม่ได้จริงๆ
พระพุทธศาสนา หมายถึงคำสอนของคนมีปัญญา ผมเชื่อว่าชาวพุทธเป็นจำนวนมาก ไม่ทราบความหมายนี้ ผมมีโอกาสมากราบไหว้พุทธสถานบ่อยมาก ผมเห็นบางสิ่งที่ควรนำมาเล่าให้ฟัง เชื่อผมเถอะว่า เรื่องที่ผมยังไม่ได้เล่าหรือเล่าไม่ได้ยังมีอีกมาก ทุกครั้งที่มีโอกาสไปกราบไหว้พุทธสถานหรือสังเวชนียสถาน ผมรู้สึกดีใจที่ได้มากราบที่ที่คนมีปัญญามาก คนดีที่สุดที่โลกเคยมีมา ซึ่งเคยประทับอยู่  ถึงแม้จะต้องมาเจอภาพบรรยากาศเดิม เจ้าหน้าที่หน้าเดิมๆ ที่คอยขอแต่สตางค์ แต่ผมก็อยากมา เพราะผมมาตามหาปัญญาที่ซ่อนเอาไว้ในซากโบราณเหล่านี้