รักนะ อินเดีย แต่ไม่แสดงออก ตอน 1/5

                                                                                    
วันออกเดินทาง
เมื่อประมาณปลายปีที่ผ่านมา (2553) ก็ถือว่ายังไม่นาน ภาษาโบราณท่านว่า ตดยังไม่ทันหายเหม็น หลายคนอาจจะมีโครงการไปเที่ยวในหลายๆที่ เพื่อต้อนรับปีใหม่ ส่งท้ายปีเก่า แต่สำหรับผม จะไปไหนได้ นอกจากนอนเฝ้าอินเดีย จริงๆอยากกลับเมืองไทย แต่กลัวจะมีปัญหากับมหาลัย เพราะมีแผนอันชั่วร้ายในใจว่า ประมาณเดือนเมษานี้กะไปโผล่ที่เมืองไทยสัก 5 วัน โดยจะไม่ให้ใครรู้ นอกจากตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและคนขายตั๋วเครื่องบินและเพื่อนๆที่รู้จักกันในห้องเรียนสัก 15-16 คนแค่นั้นพอ
ถ้าพูดถึงไปเที่ยวต่างประเทศ มีประเทศในฝันสองสามประเทศ ที่เคยใฝ่ฝันมานาน คือ ธิเบต และมองโกลเลีย อยากจะไปตามรอยองค์ดาไลลามะ และเจงกิสข่าน หากไม่ได้ไปของจริง ก็คงต้องตามรอย ทางแผ่นซีดี ทาง  True History เอา คิดว่าที่เมืองไทยคงมีขาย
เกือบหลายปีแล้ว ที่ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวที่ไหน สำหรับปีนี้ ผมเอาแผนที่ประเทศอินเดียกางออก ตั้งใจเอาไว้ว่า จะเอาลูกดอกปา คือปาถูกตรงไหน แล้วแต่ฟ้าจะบันดาล ตูก็จะไปตรงนั้นแหละ บังเอิญปาไปถูกกระจก กระจกแตกไปบานหนึ่ง  เลยปาใหม่  คราวนี้ปาไปถูกอ่าวสมุทรอินเดีย เลยปาใหม่ พระพุทธเจ้าช่วย! “Manali” ตอนแรกๆ ผมอ่าน มะนาวลี่ พอใส่แว่น แล้วอ่านใหม่ เออ มะนาลี่ ช่วงประมาณเดือนธันวาคมถึงมกราคมหิมะจะตกหนักมาก อยู่ใกล้ๆ เลห์&ลาดัก ไม่รู้ว่าเขาอ่าน ลาดากหรือลาดัก อยู่ใกล้ๆ จะมู แคชเมียร์ ไปทางตอนเหนือ ใจจริงอยากจะไปเที่ยว ราชสถาน แถวนั้นเป็นทะเลทราย และทะเลสาบ ไปขี่อูฐ อากาศไม่หนาวด้วย แต่บังเอิ๊ญ บังเอิญ มือไม่แม่น อิอิ เหลืออีกนิดเดียวเกือบจะปาถูกประเทศปากีสถานแล้ว ถึงปาถูกอย่างไรก็ไม่ไป จากมะนาลี่เพียงแค่ร้อยกว่ากิโลก็เป็นเขตชายแดนประเทศปากีสถานแล้ว นี้แหละหนา ดั่งคำที่พระท่านว่า  กัมมุนา วัตตติ โลโก ชีวิตสัตว์โลกอยู่ในกำมือ
ผมนั่งรวบรวม ศีล สติ สมาธิ เพื่อให้เกิดปัญญา ตกลงจะเอาตูจะเอาเงินไปถลุงเพื่อทัศนศึกษาที่ไหนดี สถูปสาญจิ ถ้ำอชันต้า เมืองหลวงนิวเดลฮี ไปดูวัดอากชดาม (Akshardham Temple) วัดนี้ยิ่งใหญ่มากๆๆ งบประมาณในการสร้างประมาณ ขอเน้นย้ำประมาณนะครับ เพราะไม่แน่ใจ เกือบ 4 หมื่นล้านรูปี ตัวอาคารสร้างด้วยหินทรายแดง ส่วนตัวอาคารพระอุโบสถด้านนอกสร้างด้วยหินทรายแดง แต่ภายในสร้างด้วยหินอ่อนทรายแกะสลัก เสาต้นหนึ่งประมาณ 3 คนโอบแกะสลักหมด (อยากเห็นก็เข้าไปถามและดูภาพจากหลวงพ่อกูเกิล) และไปมะนาลี่ หากมีเวลาจะไปธรรมศาลา แค่คิดก็หนาวแล้ว เพราะตอนนี้อุณหภูมิประมาณ 6 องศา
การเดินทางไปเที่ยวในอินเดีย เพื่อที่จะให้ดูดีมีชาติตระกูลเดินไปไหน ไม่ต้องอายชาวบ้าน  อันดับแรกคัดสรรเพื่อนร่วมชะตากรรม ให้หน้าตาขี้เหร่กว่าเรา เพียงเท่านี้ ไม่ว่าจะเดินทางไปที่แห่งใดตำบลใด เราจะดูดีตลอดการเดินทาง เป็นขั้นตอนการเตรียมความพร้อมเพื่อทำให้การเดินทางออกมาดูดี ในการเดินทางครั้งนี้ มีผู้โชคร้าย ที่ต้องเดินทางร่วมไปกับผมอีก 6 คน สิ่งหนึ่งที่คณะเราต้องคัดสรรผู้ร่วมเดินทางเป็นพิเศษ ก็คือมารยาทดี พูดจาไพเราะ ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อสังคม รักสัตว์ พูดภาษาอังกฤษไม่ติดอ่าง ชอบช่วยเหลือสังคม รักเด็ก ชอบสงเคราะห์คนแก่และคนชรา  ถือได้ว่าเป็นหัวใจของการเดินทางในครั้งนี้เลยทีเดียว
การเดินทางไปมะนาลี่สามารถไปได้หลายทาง คือ ไปทางเครื่องบิน ถือได้ว่าเป็นการเดินทางแบบสะดวกสบายที่สุด ลงที่นิวเดลฮี และต่อด้วยสายการบินภายในประเทศไปลงที่มะนาลี่เลย หากใครคิดจะมา ผมแนะนำเลยครับ สะดวกสบายที่สุด แต่สำหรับผม ผมไม่ไปเพราะ มีความเสี่ยงสูง คราวใดที่สภาพอากาศไม่อำนวย เที่ยวบินก็เป็นอันยกเลิกเอาดื้อๆ อีกทางหนึ่งก็คือไปทางรถไฟ และจะต้องไปนั่งรถบัสจากเมืองหลวงไปอีกเกือบคืนหนึ่ง จะลำบากหน่อย และบางครั้งถึงขั้นลำบากมาก ก็ตอนนั่งรถขึ้นเขาและลงเขานี้แหละ เพราะบางช่วงคนเมารถ อาเจียนกันเต็มรถ แถมอีกนิดหูอื้ออีกต่างหาก
เนื่องจากคณะพวกเราเป็นคนที่ค่อนข้างรักษาภาพพจน์ และเป็นผู้ที่ทางบ้านค่อนข้างมีฐานะ ยากจน เราจึงเลือกที่จะใช้บริการรถไฟ  เพราะใช้เวลาค่อนข้างนานพอสมควร และค่อนข้างจะลำบากด้วย บางทีก็เลทเป็นชั่วโมง สองชั่วโมง กว่าจะได้นั่ง ต้องไปเถียงกับแขก แย่งที่นั่งกันเหมือนกับเด็ก ที่นั่งของเรานั่นแหละ แต่แขกบางคนชอบมานั่งด้วย เบาะนั่งสามจะให้นั่งสี่ กว่าจะได้นั่ง บางทีพูดจนน้ำลายกระเด็นติดหน้าผาก แขกเขาจึงยอมย้ายหนีให้ การใช้บริการรถไฟแขก ในชั้นนอนธรรมดา ต้องมีขันติ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา และศีล5พอสมควร
พวกเราไปลงสถานีรถไฟที่นิวเดลฮี และเดินไปด้านหน้าสถานี มีพวกขับรถตุ๊กๆ เดินมาถาม ไปไหน ๆก่อนจะเดินทาง อาจารย์ท่านสั่งเอาไว้ ห้ามคุยกับคนแปลกหน้า และหน้าแปลกๆ ผมไม่ตอบ มันก็ถามอยู่นั้นแหละ ถามจนเรารำคาญ รำคาญจนผมไม่ตอบ บริเวณหน้าสถานี เขาจะมีซุ้มซื้อตั๋วรถตุ๊กๆ หากไม่อยากเสียอารมณ์กับการถูกโกงและโก่งราคา แนะนำให้มาซื้อบริเวณ Pre-paid Taxi Ticket มาซื้อตรงนี้ดีกว่า บอกไปเลยว่า ไปนิวธิเบตแคมป์รับรองได้ว่า ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก ผู้อ่านคงสงสัยใช่ไหมครับว่า ทำไมผมจะต้องไปนิวธิเบตแคมป์ เพราะว่าที่ตรงนั้นเป็นที่พักของคนธิเบตที่ลี้ภัยมาจากประเทศธิเบตบ้าง คนธิเบตที่อาศัยอยู่มะนาลี่บ้าง เลห์ลาดัก ฉิมล่าบ้าง(อยากเห็นภาพสถานที่เหล่านี้ ลองถามหลวงพ่อกูเกิลดู) หรือแม้แต่ธรรมศาลาอาศัยอยู่ที่นี้เยอะ มีห้องพักให้เช่า และอาหารการกินก็ค่อนข้างถูกปากกับคนไทยเป็นอย่างมาก และที่สำคัญมีบริษัททัวร์จำนวนมากที่ให้บริการ รถวิ่งไปมะนาลี่ตลอดจนถึงธรรมศาลา ที่พำนักขององค์ดาไลลามะ
ปกติรถตุ๊กๆจะนั่งได้สามคน เนื่องจากก่อนจะมา พวกเราทำข้อตกลงกันเอาไว้ว่า เราจะไม่ทอดทิ้งกัน เลยนั่งคันเดียวทั้ง 6 คนเลย โอ๊วแม่เจ้า! ไม่รู้ใครเหยียบตีนบ้าง ใครนั่งขาใคร แค่นั่งได้ไม่ถึง 5 นาที ตะคริวกินขาไปแล้วถึงขาหนีบ ดีหน่อย ตรงรูปลายจมูกไม่ได้อยู่ใกล้รักแร้ใคร ยังพอมีรูเล็กๆให้เอาหน้าโผล่ออกไปรับสูดควันรถและฝุ่นบนท้องถนนได้บ้าง หากไม่อย่างนั้นไม่มีอากาศหายใจ
สักพักใหญ่ ๆ รถตุ๊กๆ ก็พาผมมาถึง ร้านซ่อมรถแห่งหนึ่ง แล้วคนขับก็หันกลับมาถามอีกว่า พวกคุณจะไปไหนกันนะ?” มีใครไม่รู้บอกว่า "Toilet" คนขับรถตุ๊กๆ มันก็ชี้ให้พวกเราไปยืนฉี่ ในป่าข้างๆ สังกะสีร้านซ่อม อยู่ข้างถนนแปดเลน ในเมืองหลวง ช่างเป็นห้องน้ำที่กว้างใหญ่ไพศาลมาก หลังจากเสร็จภาระกิจปลดปล่อย คิดว่าคงอีกไม่นาน เจ้าของร้าน คงต้องมาเจอศพกระต่ายถูกยิง 6 ตัวด้วยกัน ดังนั้นเราจึงต้องรีบหนี
กลับมาที่รถ ผมต้องสะกดทีละตัวให้คนขับรถฟังว่า นิว ธิเบตตัน แคมป์แล้วคนขับมันก็ขับลัดไปลัดมา ผมก็เผลอหลับไป ตื่นมาอีกที ลงรถมองดูป้าย “Welcome to Bus Stand New Delhi” เวรกรรม บอกไปอีกที่ มันมาส่งอีกที่หนึ่ง สงสัยพวกนี้ มันคงฟังภาษาอังกฤษไม่ได้แน่ๆ พูดภาษาอังกฤษสำเนียงไทยชัดขนาดนี้ ยังฟังไม่ออก ตูจะบ้าตาย!
ผมก็ค่อยๆนึก เคยมาครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว จำชื่อเรียกก็ยาก ค่อยนึกๆ พอนึกออก บอกคนขับรถใหม่ให้ไป "Majnuka Tila" คราวนี้คนขับรถ ยิ้มและส่ายหัว คนอินเดียส่ายหัว แสดงว่า ยอมรับและมีการยิ้มเยาะเย้ย อยากจะกระโดดถีบสองขาจริงๆ โทษฐานยิ้มไม่มีมารยาท
คิดไปคิดมา ยังคงภาคภูมิใจกับตัวเองไม่หาย อย่างน้อยคนอื่นๆก็สามารถฝากชีวิตกับเราได้ หากพ่อแม่รู้ ท่านคงจะภาคภูมิใจมากๆ วิกฤตก็ได้สร้างวีรบุรุษขึ้นมาอีกหนึ่งคน พวกเรามัวแต่คุยกัน คนขับรถตุ๊กๆก็หายไปไหนก็ไม่รู้ ชะโงกดูตามเห็นคนขับรถ ผมก็ลงตามไป เห็นคนขับรถตุ๊กๆ ยืนโบกไม้โบกมือให้ มือถือแก้วจ๋าย (ชา) นึกว่ามันลงไปถามทางที่แท้ก็แอบไปกินจ๋าย ตะโกนบอกว่า “No problem” เขาหน่ะไม่มีปัญหา แต่ผมหน่ะมีปัญหาแน่ๆ หากไปไม่ทันรถ บักผีบอป! ผมได้บ่นอืมอำคนเดียว มรึงรู้หรือเปล่า พ่อเพื่อนตูเป็นใคร หากรู้แล้วมรึงจะหนาว พ่อเพื่อนตูทำงานที่โรงน้ำแข็งนะโว๊ย (อ่านต่อตอน 2)
พงษ์ประภากรณ์ สุระรินทร์